อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นดูเหมือนว่า Kodomo Tsukai จะไม่ได้จงใจจะเดินหน้าบดขยี้อารมณ์ความสยองเท่าไหร่นัก แม้จะทำได้ก็ตาม ในทางกลับกันสิ่งที่เห็นได้ชัดในงานของ ชิมิซึ ที่เขาถนัดคือการผลักประเด็นเรื่องปัญหาครอบครัวมากกว่า ถ้าตัดคำว่าหนังผีออกไป มันก็กลายเป็นงานดราม่าแบบดาร์คแฟนตาซีไปเลย ความรู้สึกผมเหมือนกำลังดูตุ๊กตาชักกี้ไปโผล่บนฉากฟุ้ง ๆ ใน ซากราดะ รีเซ็ท พร้อมกับหางเสือค่อย ๆ หันหัวไปพูดถึงต้นตอของคำสาปที่หนังหยิบเอาสิ่งเร้นลับเหนือกาลเวลามาเป็นปมสำคัญในการคลี่คลาย และด้วยความที่หนังพยายามเล่าเรื่องในหลาย ๆ แง่มุม มันเลยดูคล้ายงานที่ยำออกมาหลาย ๆ แนว แต่ทำให้หนังนวยนาบและยืดเรื่องออกไปนานเกินกว่าที่ควรจะเป็น แต่ที่น่าชมคือมันยังรักษาความน่าสะพรึงไว้ได้จนขนลุกได้หากมาถึงฉากหลอนของผีเด็ก เรียกว่าไม่มีตกพร่องแต่อย่างใด
แคสของไดกิ ในบทบาทของ ชุนยะ นั้นก็ถือว่าสอบผ่านกับแคแร็คเตอร์ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของความเป็นนักสืบเฟอะฟะที่แสนจะดูธรรมดาในแบบมนุษย์เงินเดือนทั่วไป เรียกว่าอุปสรรคความหน้าแบ๊วของฮีไม่ใช่ปัญหาเลย แต่ส่วนตัวชอบบทบาทหนุ่มตัวตลกลึกลับของ ‘ทักกี้’ (ฮิเดอากิ ทาคิซาว่า) มากกว่า และในเรื่องนี้ก็ดูจะเด่นกว่า ไดกิ ด้วยซ้ำ แต่ทว่าส่วนตัวรู้สึกสะดุดกับตัวละครที่ประกบคู่อย่าง นาโอมิ เล็กน้อย ซึ่งสังเกตเห็นได้ว่าบางฉากเธอก็หลุดแคแร็คเตอร์ไปบ้าง รวมทั้งซีนดราม่าที่รู้สึกว่าเธอน่าจะส่งอารมณ์ออกมาได้มากกว่านี้
สำหรับคอหนังผี หนังสยองขวัญจ๋าอาจจะรู้สึกผิดหวังกับ Kodomo Tsukai สักหน่อย ถ้าจะเทียบกับหนังตระกูลเดียวกัน ก็ต้องบอกว่ามันเป็นหนังผีที่น่าเบื่อที่สุดในโลก แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้วางตัวเป็นหนังผีตุ้งแช่ธรรมดา แต่เป็นหนังที่พยายามส่งสารให้คนดูเข้าถึงโลกสีเทา ๆ ในสังคมญี่ปุ่นที่มีมานานแล้ว โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความรักความไว้ใจที่เด็กมีให้ผู้ใหญ่นั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ไม่มีเด็กคนไหนที่เป็นเสมือนผ้าสีขาวอีกต่อไปตราบเมื่อชีวิตได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว พวกเขาพร้อมจะเป็นเทวดา นางฟ้า หรือปีศาจก็ได้ขึ้นอยู่กับคนที่เลี้ยงดูเขาเหล่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น